"I’m extremely open with my sexuality. I can be in love with a woman. I can be in love with a man."
Amber Rose
1
หวีดหวิวสำเนียงแจ๊สจากเพลงประกอบหนังวูดดี้ อัลเลน บรรเลงอยู่รายรอบเรา คืนเสาร์คืนนั้นในบาร์ย่านอารีย์ ผมนัดเพื่อนสมัยมัธยมปลายคนหนึ่งเพื่อ-ดื่ม-กิน-พูดคุยปรับทัศนคติกระทั่งอัพเดตเรื่องราวชีวิตของแต่ละคนที่ผ่านพ้นกันไปในช่วงที่ไม่ได้เจอหน้า
โปรแกรมเมอร์หนุ่มวัย 27 ปี ลูกครึ่งไทยจีน ในเชิ้ตพนักงานหนุ่มออฟฟิศแบบทางการ ท่าทีสนุกสนานสำหรับผมเขาเป็นอีกหนุ่มเหน้าเจ้าสำราญ ยิ่งกับสาวข้างกายในชุดโฉบเฉี่ยวที่มากับเขาวันนั้น หลังคำทักทายแนะนำตัว เธอขอไปหลบมุมนั่งสูบบุหรี่ละเลียดเครื่องดื่มเพียงลำพัง ด้วยที่ผมตกลงกันว่าอยากคุยปรึกษาเรื่องลับๆกันแบบชายๆสักพักก่อน
“ความรักกูตั้งแต่เล็กจนโต ก็แบบชอบคนง่าย เท่าที่สำรวจตัวเอง เจอใครก็ชอบอ่ะรู้สึกหลงรัก ตั้งแต่อนุบาลเคยบอกพ่อบอกแม่ว่ามีแฟนสิบคน พอโตขึ้นมาเรื่อยๆก็เริ่มห่างหาย” เบียร์จิบแรกเริ่มทำงานหลังผมอยากให้เขาลองเล่าชีวิตแรกรักแบบคร่าวๆ
"ตอนนั้นก็ไม่ได้ รู้สึกแหยงอะไร ก่อนนี้เคยมีปมตอนอนุบาล เราบอกชอบผู้หญิง เคยเอาของขวัญที่แบบอุตส่าห์ทำไปให้ พอตอนนั้นเขาไม่ชอบเรา เราเลยไปขอเขาคืน เลยรู้สึกมาคิดได้ว่า เอ๊ะ! เราจะไปโกรธเขาและไปขอคืนทำไม เขาไม่ชอบเราเราก็ต้องไม่ชอบเขากลับเหรอวะ อะไรแบบนี้ ก็เลยรู้สึกว่ามันมีปมตรงนี้อยู่ มันไม่ใช่วะ จากนั้นเลยไม่ทำอีกเลย"
2
“กูชอบความสวยงามความเป็นผู้หญิง ชอบมันมาก” เขาทิ้งประโยคนั้น ประจวบเหมาะกับผมหันไปสบตากับ เธอคนนั้นต่างเราต่างพลันยิ้ม ผมลุกไปสั่งเครื่องดื่มเผื่อเธออีกขวด
กระทั่งช่วง ม. 6 เขาได้รู้จักกับแดช เพื่อนชายที่ได้ย้ายเข้ามาตอน ม. 5 "มันเข้ามากลางเทอม กูจำได้ ก็รู้สึกว่าเป็นเพื่อนกันเฉยๆ เพื่อนทั่วไปก็แค่มันออกแนวสาวๆหน่อย แค่นั้นเอง จนมองและคุยไปเรื่อยๆ "
เพลงในร้านเริ่มเปลี่ยนจากสไตล์บรรเลงเป็นเพลงที่มีสุ้มเสียงขับขานจากนักร้องบ้าง
"เฮ้ย! มันมีความเป็นผู้หญิงในตัวมัน โดยภายนอก มีความเป็นผู้หญิงของมันโผล่ๆเข้ามาบ้าง" นั่นคือผ่านสายตาที่เขามองเห็นแดช แม้จะยอมรับว่าไม่ได้ไปจ้องมองจริงจังขนาดนั้น
จนมีช่วงที่พวกเขาสองคนได้คุยกันมากขึ้นในยุคสมัย MSN เขาเปิดว่าก็ทักมาตลอด ทักมาแทบทุกวันแล้วก็คุยไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าฝ่ายนั้นรุกหนักขึ้น อยากเจอที่บ้าน อะไรแบบนี้ "ก็เลยแบบอะไรวะ แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่ามีเหตุการณ์ที่มันงอน ก็เลยงงว่านี่มันเป็นความรู้สึกแบบไหนวะ ก็เลยรู้สึกแปลกๆ ที่เพื่อนผู้ชายจะมางอน ก็เลยเข้าใจว่า เออ เออ แบบนี้นี่เอง ความเป็นผู้หญิงมันมายังไง" เขาบอกไว้อีกตอนหนึ่ง
ระหว่างนั้นเขาทั้งสองก็ไปดูหนัง กินข้าวกันตลอด คนอื่นๆก็คงดูไม่ออก ว่าความสัมพันธ์เป็นยังไง เพราะเหมือนเพื่อนผู้ชายไปกินข้าวกัน แต่ก็ได้อยู่ด้วยกัน ใกล้ชิดกันมากขึ้น ถึงขนาด”แนบชิดสนิทเนื้อ” อะไรแบบนี้
3
เหตุการณ์ล่วงเลย เมื่อคนทั้งคู่บังเอิญเข้าเรียนต่อที่เดียวกัน มหาวิทยาลัยขอนแก่นจึงเป็นสถานที่เพาะรักต่อเนื่องเมื่อช่วงปีแรกแม้จะเรียนต่างคณะ แต่ก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน ตัวติดกันเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนั้นก็จะไปเป็นกลุ่มเพื่อนจากโรงเรียนเก่า พักหอพักเดียวกันแต่อยู่คนละห้อง
“อาจด้วยความสุขงอม เราเลยตัดสินใจคบหากันแบบเป็นแฟน” ชายหนุ่มเปลือยใจไว้หลังแก้วเบียร์
มันสุกงอมขนาดที่ว่า ตัวเขาเอง แทบจะบอกที่บ้านว่า ลูกมีคนรักแล้วนะ ไม่ใช่เพศหญิงแท้ๆ ขณะที่บ้านพ่อแม่ของเขาพอทราบจึงเปรยๆ ไว้ว่า "ไม่เป็นไร๊ ลูกรักใครพ่อแม่ก็รักหมดแหละ"
ผ่านไปแรมปีกระทั่ง ทั้งสองเริ่มเหินห่าง อาจด้วยความหึงหวงของเจ้าหล่อน และความพลุ่งพล่านสำราญแบบแตกเนื้อหนุ่มเต็มที่ของฝ่ายชาย จากวิถีที่แตกต่างกันไป ความสัมพันธ์เลยสิ้นสุดลง ก่อนที่เขาจะใช้ชีวิตแบบผ่านพบไม่ผูกพันกับอีกหลายคนจนจบมหาวิทยาลัย
“ต้นปีที่ผ่านมา รู้สึกโอเคกับเฟิร์ส เขาเป็นผู้หญิงไปหมดแล้ว ติดตรงยังไม่ชอบนิสัยเขาเท่าไหร่ เขาเคยแบบบ้านมีฐานะมาก่อน ติดใช้เงินเยอะ ติดนิสัยการเที่ยวมากกว่า แต่ความสวยความเป็นผู้หญิงกูโอเค ไม่งั้นไม่เข้าไปจีบก่อน ค่อยดูกันไป” เขาบอกถึงสาวคนล่าสุดที่เขาพามาด้วยวันนั้น จังหวะนี้ผมแทบไม่มีอะไรปิดบังสาวเจ้าที่มากับเพื่อนแล้ว ไพรเวทไทม์ของผมกับเพื่อนจึงหมดลง พร้อมเชื้อเชิญเธอเข้ามาร่วมวงคุยด้วย
เพื่อนเสริมอีกว่า สำหรับเขาถ้าเป็นผู้หญิงแท้ๆจะเข้าหายาก เขาจะแบบปิดกั้นเราก่อน อาจด้วยเราไม่ได้หน้าตาดีขนาดนั้น ถ้าเป็นสาวประเภทสอง เขาจะคุยด้วยดี ไม่รู้ว่าเขามองตรงจุดไหนเหมือนกัน ก็คุยด้วยดี คุยง่าย พูดคุยรู้เรื่อง แต่มันจะเป็นเรื่องความต้องการของเขามากกว่า เช่นผับปิดแล้ว
ข้อดีของสาวประเภทสองที่เขาค้นพบ ดูแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไป คือเขาจะเปิดโอกาสให้กับผู้ชายทุกคนที่มาคุย ไม่ปิดกั้น ไม่สงวนเนื้อ สงวนตัว เป็นเพราะว่าเขาไม่ค่อยจะมีผู้ชายเข้ามาอยู่แล้ว มันน่าจะเป็นแบบนั้นมากกว่า ถ้าเจอแล้วเขาไม่ชอบเลย ก็แค่รู้สึกว่าเรายังไม่เจอ เท่าที่ผ่านมากี่คนๆเขาก็คุยด้วย ไม่ค่อยมองหน้าเหยียดๆหยามๆ ทุกคนมีปฏิสัมพันธ์ดี
ถ้าถามว่าสาวๆที่เคยคบ เขามีความเป็นผู้ชายหลงเหลือไหม “ก็ไม่นะ มันไม่มีนิสัยแบบผู้ชายๆ เลย จะเดินขาถ่างงี้ไม่มีหรอก ส่วนจะเรื่องสกปรกเรื่องซกมกก็เหมือนกัน ทั้งผู้หญิงผู้ชาย เรื่องนิสัยมันบอกเพศไม่ได้ “
ผมคั่นเวลาด้วยถามว่า ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกที่ไหน? อย่างไร?
จึงทราบว่า ที่แห่งนั้นคือผับๆหนึ่งแถวจันทบุรี ตอนนั้นหนุ่มไปทำงาน ส่วนเจ้าหล่อนอยู่ที่นั่นอยู่แล้วแทบทุกค่ำคืน การปะติดปะต่อสัมพันธ์ระหว่างนั้น เกิดจากราตรีนั้น
“ส่วนมากไปเที่ยวผับกะว่าจะไปดีลสาว ดีลผู้หญิง ก็เข้าไปคุยโต๊ะโน้น โต๊ะนี้ แล้วเขาไม่คุยกับเรา สุดท้ายมันก็เหลือตัวเลือกแบบเอาวะ เขาต้องคุยดีแน่นอน เขาก็เปิดใจรับเรา ถึงเขาจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายของเรา แต่เราก็มองออกแหละ ว่าเขามีความเป็นผู้หญิงในแบบที่เขาจะรับเราเข้าไปในชีวิต “
ขณะที่คนข้างตัวอดใจไม่ได้เลยเปรยขึ้นว่า มันก็เจอเรื่องเศร้าๆบ้างที่เราไม่ค่อยเจอผู้ชายที่จริงใจ กับเธอ
“ไม่โอเค โดนทิ้งบ่อย โดนทิ้งตลอด เราก็เข้าใจว่าเพราะเกิดมาเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ เลยต้องยอมรับ ก็มีน้อยใจบ้างอะไรประมาณนั้น” คือถ้อยรำพันของเธอด้วยเสียงพยายามดัดให้แหลมเล็กที่สุด
“ไม่รู้จะปลอบใจเขายังไง ไม่เคยปลอบ ก็รับฟัง แล้วไว้จะอยู่ด้วยแล้วกัน สุดท้ายนี่แหละ ก็เคยเป็นคนทิ้งคนแบบเขาเหมือนกัน แต่ด้วยนิสัยนะ ไม่เกี่ยวกับเพศสภาพ” ชายหนุ่มบอกเสริม
4
เมื่ออยากรู้เรื่องลึกถึง ความรู้สึกของการมีเพศสัมพันธ์ เขาบอกว่าของผู้หญิงปลอม ต่าง ต่างมาก มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นธรรมชาติมันถูกทำขึ้นมา ไม่ได้ลื่นไหล เพราะไม่มีน้ำหล่อลื่น ต้องใช้เจล
เมื่อถามว่าเสพติดไหม “ก็ไม่นะ ไม่ขนาดโหยหา ว่าต้องเอาให้ได้ทุกวัน ทางฝ่ายนั้นก็ไม่ อาจจะมีอารมณ์บ้างเป็นบางครั้งคราว เขาก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆไป ที่อาจจะต้องการใครสักคนมาดูแลบ้าง”
ยิ่งกับเป็นเพศที่สาม ที่แทบจะไม่มีผู้ชายแบบเราเรามารับเขาได้
“มันไม่ได้มีแบบกูทุกคนนะเว้ย” เขาสำทับด้วยความย้ำอีกแรงเมื่อแอลกอลฮอล์เริ่มออกฤทธิ์มากขึ้น
เขาย้ำภาพจำอีกว่า มันก็คงเป็นอีกข้อดีที่สาวๆแบบนั้นมาชอบเขา คือ "เราเข้าใจเขาถึงความงามแบบดอกไม้ที่เราอยากสัมผัส แม้มันจะเป็นแบบดอกไม้พลาสติกก็เถอะ ยิ่งกับหัวจิตหัวใจเขานี่ จริง จริงเหมือนกันเป๊ะเลยกับผู้หญิง"
ยิ่งกับถ้ามีความรู้สึกรักไปแล้ว มันหึงหวง มันก็เป็นอารมณ์แบบความรัก มันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
ส่วนตัวนะ ถ้าสุดท้ายไม่ใช่คนนี้หรือจะมีคนรักต่อไปก็ขอให้เป็นคนที่เราชอบก็พอ ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเพศไหน เพราะเรามีสเปคในเรื่องความงามส่วนตัวที่เราสัมผัสมาอยู่แล้ว เข้ากันได้ นิสัยโอเค อะไรประมาณนี้ ที่บ้านก็โอเค “เคยคิดขนาดตั้งครอบครัว คิดกับทุกคนเลยว่า คบไปนานๆจะเป็นไงวะ เป็นแบบนี้น่าจะดีนะ แก่เฒ่าไปด้วยกันเลย “
แล้วที่เพื่อนแซวๆเรื่องรสนิยม แบบนี้ก็ปกตินะ ไม่ได้คิดอะไร เขารู้จิตใจตัวเองดี “พวกมันก็คงไม่เข้าใจกู เลยออกมาแซวแบบนี้ ก็ไม่อยากไปอธิบายในความชอบส่วนตัว เป็นบางเหลี่ยมมุมของความรักที่เรารู้เราเห็นได้คนเดียว”
5
ก่อนจากกัน ก่อนเที่ยงคืน ก่อนมาเจอกันที่นี่ ผมพยายามนึกคิดถึงสิ่งที่ค้นคว้ามา ในเรื่องรักนานาเพศ เหตุต่างๆเกี่ยวกับ LGBTq ร้อยแปดพันเก้า
แต่กับเขา เพื่อนผมต่อให้เรื่องนี้จะจบด้วยความรักหลากเพศ มันคงเป็นแค่ความงาม ความงามและความจริงพื้นๆที่ไม่ต้องมีใครมานิยามให้ คนเรารักกันไม่ยาก หากปลิดและปล่อยเงื่อนไขภาพลักษณ์บางอย่าง เช่นเดียวกับสิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าในค่ำคืนนั้น พลันรู้สึกอยากบอกความในใจถึงบางสิ่งที่รักใคร่ขึ้นมาบ้าง //
Comments