อิศรารายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2562 ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาพิจาณาคดี กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตร 92 จำนวน 2 คำร้อง โดยขอให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 41 คน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญ ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เข้าชื่อร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้ร้อง ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 41 คน ผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 80 วรรคหนึ่งเนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 41 คน เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องทั้งสี่สิบเอ็ดคน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 78 (3)
ศาลประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตร 98 (3) บัญญัติลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะใช้สิทธิสมัครับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ว่า "เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด" มิใช่เพียงมีเจตนาหรือความประสงค์จะทำกิจการดังกล่าวเท่านั้น ถึงแม้การถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่มีวัตถุที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจพอที่จะใช้เป็นเหตุให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลได้
แต่ก่อนที่จะรับคำร้องไว้พิจารณาต่อไปได้ยังจำเป็นต้องตรวจสอบวัตถุที่ประสงค์ของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่ผู้ถูกร้องทั้งสี่สิบเอ็ดคนถือหุ้นอยู่ว่เป็นวัตถุที่ประสงค์ที่จะประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ หรือไม่ ซึ่งเมื่อตรวจสอบจากเอกสารประกอบคำร้องของผู้ร้องแล้ว ปรากฏว่าหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งออกให้แก่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทของนายศาสตรา ศรีปาน ผู้ถูกร้องที่ 4, นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ผู้ถูกร้องที่ 16, นางสาวภริม พูลเจริญ ผู้ถูกร้องที่1, นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ผู้ถูร้องที่ 2, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ผู้ถูกร้องที่ 22 และนายจักรพันธ์ พรนิมิต ผู้ถูกร้องที่ 2 ตามคำร้องที่หนึ่ง (เรื่องพิจารณาที่ 12/2566) และนายกรณ์ จาติกวณิช ผู้ถูกร้องที่ 2, นายประมวล พงศ์ถาวรเดช ผู้ถูกร้องที่ 3 และนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ผู้ถูกร้องที่ 8 ตามคำร้องที่สอง (เรื่องพิจารณาที่ 172562 โดยมีข้อความระบุรายละเอียดวัตถุที่ประสงค์ไว้ทำนองเดียวกันว่า "การประกอบกิจการค้า กระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์ หนังสือ อุปกรณ์ การเรียนการสอน อุปกรณ์ถ่ายภาพและภาพยนตร์ เครื่องคำนวณ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสาร และเครื่องใช้สำนักงานทุกชนิด เครื่องมือสื่อสาร คอมพิวเตอร์ รวมทั้งอุปกรณ์และอะไหล่ของสินค้าดังกล่าว" ซึ่งเป็นวัตถุที่ประสงค์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ที่จะเป็นลักษณะเข้าข่ายอันเป็นเหตุให้สมาชิภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของถูกร้องจำนวน 9 คน ต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (2) ประกอบมาตร 98 (3) แต่อย่างใด จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องในส่วนของผู้ถูกร้อง จำนวน 9 คน ไว้พิจารณาวินิจฉัย
สำหรับคำร้องของผู้ร้องในส่วนของผู้ถูกร้องที่เหลือ จำนวน 32 คน เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 (5) แล้ว ศาลจึงสั่งรับคำร้องของผู้ถูกร้อง จำนวน 32 คน ไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบพร้อมส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องทั้งสามสิบสองคนยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
สำหรับคำขอให้ผู้ถูกร้องทั้งสามสิบสองคนหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น รัฐธรรมนูญ มาตรา 4 วรรคสอง บัญญัติเงื่อนไขไว้ว่าจะต้อง "ปรากฎเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกผู้ถูกองมีกรณีตามที่ถูกร้อง" แต่ในคดีนี้ผู้ร้องไม่ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง คงมีเอกสารประกอบคำร้องเพียงหนังสือรับรองห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทระบุรายละเอียดวัตถุที่ประสงค์กับสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นเท่านั้น ไม่ปรากฏแบบแสดงรายการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของห้างหุ้นส่วนบริษัทฯ (แบบ สสช.1) และแบบนำส่งงบการเงินของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทว่ามีรายได้จากการประกอบกิจการใด กรณีจึงยังไม่มีความชัดเจนว่า ผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจใด ซึ่งศาลจะต้องดำเนินการไต่สวนเพื่อหาข้อเท็จจริงให้ยุติต่อไป เมื่อยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้อง มีกรณีตามที่ถูกร้อง ในชั้นนี้ จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสามสิบสองคนหยุดปฏิบัติหน้าที่
อนึ่ง คดีที่คณะกรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลง (เรื่องพิจาณาที่ 1/2562) ได้ผ่านการสอบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงมาก่อนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีเอกสารประกอบคำร้อง เช่น แบบ สสช.1 ระบุสินค้าหรือบริการที่ประกอบการว่าประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ โรงพิมพ์ รับพิมพ์ หนังสือ พิมพ์หนังสือจำหน่าย ประกอบกับแบบนำส่งบการเงินที่บริษัทของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้อง ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 2554-2558 ระบุไว้ชัดเจนว่ามีรายได้จากการขายนิตยสาร และรายได้จากการให้บริการโฆษณา กรณีจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้อง มีกรณีตามที่ถูกร้อง ศาลรัฐธรรมนูญจึงได้มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง
อ่านข่าวต้นฉบับที่นี่ https://www.isranews.org/isranews/77892-isranews-77892.html?fbclid=IwAR3MnQbdFPcuhb7lz4r4OcgYm5q5EQiC2DvuknARY2fHh9VdcdDF7oQ0dUE
#TheIsaander #Isaan #Isaannews #อีสานเด้อ #อีสาน #ข่าวอีสาน #ดิอีสานเด้อ #อิศรา #เลือกตั้ง #เลือกตู่ #ไม่เลือกก็มา #บิ๊กตู่ผู้น่า #ลัก #สส #หุ้นสื่อ #ธนาธรไม่ถูกใจ #ธนาธรต้องหยุด #ฉันเลือกนาย #สสเลือกตู่ #เลือก #ปฏิบัติ — at ศาลรัฐธรรมนูญ.
Comments