"วงดนตรี ของนพดล ดวงพร ได้รับความนิยมมากจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป พวกเขาได้รับคัดเลือกจากกรมประชาสัมพันธ์ ให้แสดงต่อหน้าพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่ เขื่อนอุบลรัตน์ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ปี 1971(2514)
พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่คล้ายกีตาร์ แต่ว่ามีเพียง 3 สาย ดีดได้ไพเราะมากๆ นั่นคือ พิณ ในหลวงทรงเห็นว่าเป็นของแปลกและมีเสียงที่ไพเราะมาก พระองค์รับสั่งขอลองดีดดูอย่างสนพระทัยเป็นพิเศษ ยังความปลาบปลื้มใจให้แก่นพดลเป็นที่สุด และสิ่งที่นพดลจำใส่เกล้าไว้ไม่มีวันลืมคือ ในหลวงมีรับสั่งว่าให้รักษาศิลปะดนตรีพื้นบ้านอันนี้ไว้ให้ดีๆ "
หลังจากนั้น เขาตัดสินใจเปลี่ยนชื่อวงดนตรีตัวเองเสียใหม่ จากวงนพดล ดวงพร เป็นวงเพชรพิณทอง เอาชื่อ พิณ ที่ในหลวงทรงโปรดมาเป็นมงคลนาม นั่นจึงเป็นที่มาที่ไปของชื่อวง เพชรพิณทอง มาจนถึงทุกวันนี้
_______________
นพดล ดวงพร หรือชื่อจริงณรงค์ พงษ์ภาพ เกิดเมื่อวันที่ 23 มกราคม ปี 1941 ที่บ้านท่าวังหิน อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เขาเกิดในครอบครัวที่มีพ่อเป็นอดีตหมอลำและนักแต่งกลอนลำของจังหวัดอุบลราชธานี และแม่เป็นนักร้องเพลงโคราช
หลังเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 นพดลสนใจศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอีสานและสาขาวิชาอื่นๆ พยายามศึกษาด้วยตัวเอง
อาจเพราะต้นทุนเดิมมีพ่อเป็นหมอลำและนักแต่งกลอนลำ และด้วยความสนใจและความกล้าแสดงออก ทำให้ได้ขึ้นเวทีลำกลอนกับหมอลำหญิงหลายครั้งตั้งแต่ยังเด็ก และได้ประกวดร้องเพลงหลายเวที
กระทั่งย่างเข้าวัยหนุ่ม ไปสมัครอยู่กับ "วงดนตรีพิพัฒน์บริบูรณ์" ของศักดิ์ศรี ศรีอักษร แรกเริ่มนพดล ได้ตำแหน่งแบกกลองและขนสัมภาระในวง ต่อมาได้ออกไปอยู่กับ "วงดนตรีจุฬารัตน์" ของครูมงคล อมาตยกุล ที่นั่นเขามีโอกาสเป็นพิธีกรและเล่นตลก โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน แต่เพื่อนๆ ในวงแบ่งปันเงินให้ใช้บ้าง หลังออกจากวงจุฬารัตน์กลับมาอยู่บ้านที่จังหวัดอุบลราชธานี จัดรายการวิทยุกระจายเสียงทางสถานีวิทยุทหารอากาศ จังหวัดอุบลราชธานี โดยจัดรายการแสดงหมอลำตามคำขอและตอบจดหมาย ได้รับความนิยมจากแฟนเพลงเป็นจำนวนมาก
___
และแล้วตำนานก็เริ่มขึ้น เมื่อปี 1971 นพดล ตั้งวงดนตรี "เพชรพิณทอง" ขึ้น ซึ่งเป็นวงดนตรีที่ใช้ภาษาไทย- อีสานเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เป็นวงแรกๆที่ใช้แคนและพิณป็นเครื่องดนตรีหลัก
และวงเพชรพิณทองนี้เองที่ คิดค้นวิธีทำพิณให้มีเสียงดังโดยใช้กับครื่องใช้ไฟฟ้าเหมือนกับกีตาร์ได้สำเร็จ และได้ใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน มีจุดประสงค์เพื่อรักษาและสืบทอดเอกลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานไว้ และในขณะเดียวกันก็พยายามพัฒนาปรับปรุงดนตรีให้เข้ากับสมัยนิยม
โดยเฉพาะการแต่งกายที่นักแสดงทุกคนจะใส่สูทและผูกเนคไทขึ้นเล่น และรูปแบบการแสดงอันสุภาพ ดูเป็นปัญชาชนอีกทั้งไม่มีมุกหยาบโลน
ทั้ง เพชรพิณทอง และนพดล ดวงพร นับเป็นนักรบทางวัฒนธรรมของภาคอีสาน ที่เกิดขึ้นจากความคิดและการสั่งสมประสบการณ์ชีวิตการเป็นคนดนตรี โดยไร้ผู้สนับสนุนจากหน่วยงานหรือบุคคลใดๆ วงของพวกเขา หากคุณคุ้นเคยจะประกอบไปด้วย นพดล,ลุงแนบ,หนิงหน่อง,จ่อย จุกจิก,แท๊กซี่,ใหญ่ หน้ายาน,เทพพร เพชรอุบล แต่ละคนจะมีบุคลิคแตกต่างกันไปในแต่ละเรื่องแสดง
แต่โดยรวมอาวุธสำคัญของวงดนตรีและของนพดล คือการใช้ภาษาอีสาน โดยเฉพาะสังคมอีสานกำลังเกิดความสับสนในอัตลักษณ์ของตัวเอง ท่ามกลางการดูถูกชาติพันธุ์ของสังคมไทยที่มีต่อคนลาว ต่อชาวอีสาน ซึ่งปรากฏการณ์อย่างนี้ได้ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมบนแผ่นดินอีสานตามมา คือ ได้เพาะเชื้อความรังเกียจกำพืดของตัวเอง ดูถูกตัวเอง เกลียดความเป็นลาวในสายเลือดตัว และพยายามหนีสุดชีวิตเพื่อให้พ้นไปจากความเป็นลาว เป็นคนอีสาน ด้วยการสร้างปมเขื่องให้กับตนเองด้วยการ “ไม่พูดภาษาอีสาน หรือภาษาลาว”
“แม่นแล้ว” “เบิ่งกันแหน่เด้ออาว” “นางเอ้ย” “เด้อนางเดอ เด๊อเด๊อนางเดอ ตึ้งๆ” และอีกเป็นร้อยเป็นพันคำและวลีที่ติดหู ติดปากผู้คน ที่เพชรพิณทองไปหยิบจับจากท้องถิ่นที่อีสานเป็นและอยู่มาใช้ทำการแสดง ทำให้ผู้คนเห็นความสำคัญของคำและวลีที่ใช้ในชีวิตประจำวันหรือการละเล่นแสดง ในภาคอีสาน กลับมาอยู่ในความนิยม
ทำให้เห็นความลึกและมิติของภาษา และนี่คือ อานุภาพของภาษา อานุภาพของวัฒนธรรม เป็นทั้งเครื่องผูกพันและเป็นรหัสให้ผู้คนได้ใช้ในการปฏิสัมพันธ์กัน และเป็นต้นแบบของศิลปินตลกยุคหลังๆของอีสานหลายๆวง
นอกจากผลงานด้านวงดนตรีแล้ว นพดล ดวงพร ยังได้แสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง และเรื่องที่ทำให้ผู้คนรู้จักมาก คือ เรื่องครูบ้านนอก จากการประพันธ์ของคำหมาน คนไค และจากบทตลกในภาพยนตร์นี้เอง ทำให้เขามีความคิดทำเทปตลกออกจำหน่ายและได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง เทปตลกที่เขาทำออกจำหน่าย มีมากกว่า 20 ชุด ที่ป็นที่นิยมและโด่งดัง อาทิ หนิงหน่องย่านเมีย บวชลงแนบ สามใบเถา เป็นต้น เนื่องจากยอดจำหน่ายเทปสูงสุด จึงได้รับรางวัลโล่เกียรติคุณในฐานะที่ทำรายได้จากการขายเทป ในปี 1986
ปี 2003 นพดล ได้รับรางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง "15 ค่ำ เดือน 11" จากชมรมวิจารณ์บันเทิง และรางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม จากงานประกาศผลรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ จัดโดยสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ
ชีวิตและผลงานของ นพดล ดวงพร ที่เป็นตัวแทนของชาวอีสาน ในการอนุรักษ์ สืบสานและเผยแพร่วัฒนรรมประพณีอีสานสู่สายตาชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงได้รับการยกย่องเป็นแบบอย่าง และเป็นความภาคภูมิใจของชาวอุบลราชธานี เป็นปราชญ์เมืองอุบลราชธานี
ปี 2009 นพดลได้รับรางวัลศิลปินมรดกอีสาน จากหอศิลปวัฒนธรรม จังหวัดขอนแก่น
____
ผลงานเพชรพิณทอง
-สู่ขวัญบ่าวลาวสาวไทย
-หนิงหน่องย้านเมีย
-ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่
-แจกข้าวหาลุงแนบ
- โมราพาซิ่ง
ฯลฯ
ผลงานเพลงโดดเด่น
- หนุ่มอุบล
- ค้นหาคนดัง
- ไม่พบคนดัง
-เวียงจันทร์เวียงใจ
- หมอลำบันลือโลก
ผลงานภาพยนตร์เด่น
-ครูบ้านนอก (1978) รับบทเป็น ครูใหญ่คำเม้า
-ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน (1980) รับบทเป็น ไอ้จ่อย
-15 ค่ำ เดือน 11 (2002) รับบทเป็น หลวงพ่อโล่ห์
** บั้นปลายชีวิต นพดล ดวงพร พำนักที่บ้านเพชรพิณทอง ถนนนิคมสายกลาง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี และรับงานแสดงเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับประเพณีของจังหวัดอุบลราชธานี อย่างงานแห่เทียนพรรษา งานสำคัญของจังหวัด ก่อนจากไปอย่างสงบ วันที่ 4 กรกฎาคม 2019 อายุรวม 77 ปี
#TheIsaander #Isaanderlegend #นพดลดวงพร #เพชรพิณทอง #15ค่ำเดือน11 #หนุ่มอุบล #เวียงจันทร์เวียงใจ
Comentarios