Ghost E Lee Der : น้ำโขง หญิงสาว และลาวในทรงจำ ผี A.k.a. GHOST syn.วิญญาณ, Phantom
บทนำ
เหตุการณ์ที่ผมจะเล่าต่อจากนี้ เกิดขึ้นในเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ประเทศลาว ที่โรงแรมแห่งหนึ่งริมแม่น้ำโขง ใกล้กับสะพานมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น(ญี่ปุ่นไม่ได้มีดินแดนติดกับลาว เพียงแค่ช่วยออกทุนสร้างสะพานแห่งนี้)
ปากเซเป็นหนึ่งในเมืองที่ผมไปบ่อยที่สุดของลาว ตามประวัติศาสตร์ หากเราไม่เสียดินแดนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้กับฝรั่งเศส ประเทศไทยจะมีพรมแดนชิดใกล้กับปากเซมากกว่านี้ เมืองท่องเที่ยวอีกเมืองอย่างหลวงพระบางจะไม่เหินห่างกันนัก เพราะตรงกลางมีเพียงน้ำโขงกั้น เท่านั้น
คนไทยหลายคนอาจเสียดายที่ประเทศต้องเสียบางจังหวัดให้ลาว ขณะที่ลาวก็เสียดายเช่นกันที่ต้องเสียอีสานทั้งภาคให้ไทย
"อาณาจักรล้านซ้างยิ่งใหญ่ มีน้ำของ(โขง)ไหลผ่ากลาง" นักข่าวอาวุโสชาวลาว-อะเมริกัน ผู้ตีเทนนิสทุกวันเสาร์ และชอบเมาเบอร์เบิ้ล เอ่ยคำขวัญนี้ให้ผมฟัง คำขวัญซึ่งมันอธิบายถึงความกว้างขวางของอาณาจักรล้านซ้าง(ลาว) เมื่อครั้งอดีตได้ดีทีเดียวเทียว
บทที่ 1
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในค่ำคืนหนึ่ง หลังจากที่ผมกินเบียร์อย่างอิ่มหนำ ผมจะกินเบียร์มากเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่ต้องนอนต่างถิ่น เพื่อให้ตัวเองหลับอย่างแข็งขัน มิต้องตื่นมาพบกับสิ่งไม่มีชีวิตบางอย่างในห้อง แต่เหมือนครั้งนี้เบียร์ลาวไม่ช่วยอะไร หลังจากที่ผมอาบน้ำ เข้านอน และหลับไป เพียงชั่วพริบกรนเท่านั้น
ผมกลับรู้สึกตัวตื่น กลางดึก
ในห้องยังพอมีแสงสว่างจากนอกหน้าต่างส่องเข้ามาทำให้เห็นภูมิทัศน์ และเฟอร์นิเจอร์บางชิ้น ผมมองไปยังปลายเท้าของตัวเอง และผมก็เห็น “ผู้หญิงหนึ่งนาง เส้นผมของเธอดำขลับ(Piano Black) ยาวจากหนังศีรษะถึงระดับหัวนม(Nipples) ด้วยความมืดทำให้ผมมองไม่เห็นใบหน้าของเธอ”
เมื่อไม่เห็นหน้า ผมเลยไม่รู้ว่าเธอยิ้มหรือร้องไห้ ขื่นขมระทม หรือสนานสุขร่าเริง ผมไม่ได้เรียกเด็ก (Teenage Sex Worker) ขึ้นมานอนเป็นเพื่อนแน่ๆ ผมไม่ใช่คนขี้เหงา ขี้เมื่อย(Horny) ขนาดนั้น
พินิจต่อ เนื้อตัวของเธอมีสีขาวซีด ถ้าเทียบตาม Pantone(แพ๊นโทน) น่าจะประมาณ 7220 c เห็นจะได้ เธอยืนอยู่ตรงนั้น นิ่งอย่างกับ ศิลปะจัดวาง สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมรู้สึกหนาวสะท้าน เป็นความหนาวระดับเดียวกันกับตอนที่ยืนอยู่บนยอดเขาในเกาหลี เมื่อสองปีก่อน (เกาหลีใต้แน่ๆไม่ใช่เกาหลีเหนือ)
ผมแน่ใจว่าสิ่งที่ผมเห็น ไม่ใช่ ภาพหลอน(Hallucinations) ถึง Hallucinations(ฮาลู้สิเนชึ่น) จะมีทั้งแบบ Hypnagogic(ฮิบนากอกิก) เห็นภาพหลอนก่อนหลับ หรือ Hypnopompic(ฮิบโนปอมปิ๊ก) เห็นภาพหลอนช่วงตื่น และแบบอื่นๆก็เถอะ
Hallucinations เป็นอาการที่เคมีในร่างกายหลั่งผิดพลาด และส่งสัญญาณเป็นกระแสไฟฟ้าไปให้สมองรับรู้เป็นภาพบางอย่าง หรือรู้สึกบางสิ่ง แต่ที่ผมเห็น ผมยืนยันได้ว่า ไม่ใช่ภาพหลอน ผมสาบานด้วยเกียรติของลูกเสือดำ(Dumb) ผมเห็นเธอชัดเจน เธอไม่มีแผลเหวอะหวะ ไม่ได้มีเลือดไหลนอง อวัยวะครบ 32 ดุ้น
ผมแน่ใจว่า การเห็นครั้งนี้ของผมไม่ได้เกิดจากอาการ Charles Bonnet Syndrome (เช้าเน่อ โบเหน่ ซิ้นโดรม - เช้าเน่อ เป็นชาวสวิสแลนเด้อ แต่ชื่อออกเสียงเป็นภาษาฝรั่งเศสเน่อ) แบบที่ คนตาเกือบบอดมักเห็น อาการที่สมองต้องสร้างภาพขึ้นมาให้เห็น เพื่อทดแทนภาพจริงที่เริ่มจะเลือนลานจากอาการผิดปกติทางสายตา ผมแค่สายตาสั้นกับเอียงนิดหน่อย สมองคงไม่ต้องลำบากขนาดนั้น ผมเห็นใจมัน
เธอคนนั้นยืนนิ่งไม่ได้ปริปากพูดอะไรกับผม แต่ผมรู้สึกได้ว่าเธอพยายามจะสื่อสาร ไม่ใช่ด้วยภาษามือ ไม่ใช่ภาษาร่างกาย ไม่ใช่สีหน้า แต่ผมรับรู้ความต้องการของเธอแล้ว (คงเป็นเทคโนโลยี Near-field communication : NFC ผมเชื่อแบบนั้น)
ในรายการของพี่ป๋อง กพล มักสอนให้เราเอาเศษเหรียญวางบนหัวเตียง เพื่อซื้อที่จากเจ้าของเดิมซึ่งไร้กายหยาบ หากเราต้องไปนอนต่างถิ่น หรือขยับเตียงไม่ให้อยู่ในจุดเดิม เพื่อหลีกหนีการถูก ผีเจ้าตามทวงที่ แต่วันนั้น ผมไม่ได้ทำอะไรแบบที่ว่าสักกะอย่าง แม้กระทั่งสวดมนต์
บทสุดท้าย
เตียงคือ สิ่งที่เธอต้องการ ผมรู้สึกแบบนั้น แม้เธอไม่ได้เอ่ยปาก โชคดีหน่อย ที่ผมยังขยับตัวได้ ไม่ได้ถูกอำ (Sleep Paralysis) ก็บอกแล้วว่า ไม่ได้ประสาทหลอน ไม่ได้เห็นภาพหลอน แล้วก็ไม่ได้ฝัน เพราะถ้าฝัน ร่างกายจะเข้าสู่ช่วง Rapid eye movement sleep (REM sleep-เร็ม สะหลีบ) ซึ่งทั้งตัวจะขยับได้แค่ตา ถ้าเราเผลอตื่นขึ้นมาตอนที่เราขยับได้แค่ตา เราก็จะอยู่ในอาการ "โดนอำ"
REM sleep บังคับให้ร่างกายขยับไม่ได้ เพราะกลัวว่า ถ้าเราฝันร้ายจะสะดุ้ง หรือออกแอคชึ่นจนเป็นอันตรายทั้งๆที่หลับ การนอนนิ่งๆเมื่อฝันร้ายน่าจะปลอดภัยมากกว่าถ้า REM sleep เกิดพร้อมกับ Hypnopompic ก็จะกลายเป็นอาการที่เรียกว่า "โดนผีอำ" (Donn Pee Aumm)
"อยากนอนนำแม่นบ่?" (คุณต้องการที่จะนอนหลับบนเตียงหลังนี้ร่วมกับผมใช่หรือไม่) ผมสื่อสารกับเธอด้วยภาษาลาว สำเนียงปากเซ
"อยากนอนกะนอน แต่ผ้าห่มนี่ของกู"(ถ้าคุณประสงค์จะหลับนอนบนเตียงหลังนี้ ก็เชิญ หากเพียงผ้าห่มผืนนี้ ผมถือครองกรรมสิทธิ์อยู่นะครับ คุณมิอาจมายื้อแย่งมันไปจากผมได้ในเวลานี้)
ผมบอกกับเธออย่างจริงใจที่สุด เพราะอากาศค่อนข้างหนาว และผ้าห่มผืนบางเฉียบพอๆกับผ้าอนามัยแผ่นเรียบสำหรับกลางวันผืนนี้ จึงเป็นสิ่งที่ผมต้องหวงแหน หลังสิ้นบทสนทนา ผมรู้สึกได้ว่า เธอย้ายมานอนบนเตียงข้างๆผม ผมพลิกตะแคง หันหลังให้กับเธอ และกระชับผ้าห่มแน่น ผมหลับไปโดยไม่ได้นับแกะ ผมไม่ได้ถูกดึงขา แหกตา นั่งทับ หรือบีบคอ มันเป็น การนอนที่ค่อนข้างจะสบายมากซะด้วยซ้ำ และรู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว อย่างไรก็ตาม ผมยืนยันว่า สิ่งที่ผมเห็นในคืนนั้นไม่ใช่ ภาพหลอน เธอคนนั้นมีอยู่จริง
ภาคผนวก
ตามความเชื่อที่ได้เรียนรู้จากรายการเดอะช็อค(The Shock) เมื่อ "โดนผีอำ" (Donn Pee Aumm) สิ่งที่เราต้องทำคือสวดมนต์(Pray) แต่หากใช้สันติวิธีวิถีพุทธอย่างนั้นแล้วไม่ได้ผล ผู้สันทัดกรณีแนะนำให้เราสาปแช่ง(curse) วิญญาณที่ทาบทับบนร่างของเรา แช่งให้เขาไม่ได้ไปผุดไปเกิด และสิ่งไม่มีชีวิตหลังความตายตนนั้นจะเกรงใจเรา แล้วคลายอาการพยศไป
แต่ความเชื่อบ้าๆบอๆ ที่ไร้เหตุผลทางไสยศาสตร์รองรับของพวกฝรั่งพังคะ ในหนังสือชื่อ Paranormality (พาร้านอม้อลิดี่ เขียนโดย นายริชาด ไว้ส์แมน - Richard Wiseman) ได้กล่าวว่า การแก้ผีอำ สามารถทำได้ง่ายๆโดย กระพริบตาถี่ๆ เพราะตาเป็นเป็นอวัยวะอย่างเดียวที่ขยับได้หากการนอนของเราเข้าสู่ช่วง REM sleep และตกอยู่ในอาการหายใจแผ่วหวิวในภาวะ Sleep Paralysis การกระพริบตาถี่กระชั้นจะทำให้สมองรับรู้การตื่นตัวของเรา และคลายออกจากการถูกอำด้วยตัวเอง
ขณะที่ หมอโอ๊ลิเว่อ แซคส์(Oliver Sacks) ผู้เขียนหนังสือ Hallucinations อธิบายว่า คนที่เห็นภาพหลอน มักแยกไม่ออกระหว่าง ภาพจริง กับ ภาพหลอน เพราะสมองรับรู้เรื่องต่างๆจากไฟฟ้าที่ถูกส่งเข้ามาโดยอวัยวะรับสัมผัสอื่นๆ เป็นเพียงแค่ก้อนเนื้อในกระโหลก ไม่เคยออกจากกระโหลกไปเห็นโลกภายนอก อ่อนประสบการณ์ และไร้เดียงสาเกินกว่าจะแยก ได้ว่า ภาพไหนจริง ภาพไหนลวง
แต่ผมก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า ผมเห็นเธอคนนั้นที่ปลายตีนจริงๆ ผมเห็นกับตาจะไม่จริงได้ยังไง
www.underdogs.xyz มอบ งานเขียนชิ้นนี้ให้แก่ The Isaander เป็นที่ระลึกถึง
#TheIsaander #Isaan #Isaannews #อีสานเด้อ #อีสาน #ข่าวอีสาน #ดิอีสานเด้อ #น้ำโขง #หญิงสาว #และ #ลาวในทรงจำ #GhostELeeDer #underdogs #xyz
Comments