ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า : ศาลอุทธรณ์ ภาค 4 ขอนแก่น เลื่อนอ่านคำพิพากษา คดีหมอเปรมศักดิ์แก้ผ้านักข่าวรอบสอง หลังหมอเปรมกลับคำให้การขอรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เพื่อขอให้ศาลลงโทษในสถานเบา
วันที่22 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา เวลา 09.00 น. ที่ศาลจังหวัดพล ผู้สื่อข่าวข่าวได้ติดตามความคืบหน้า ของคดีหมอเปรมแก้ผ้านักข่าวโดยศาลจังหวัดพลได้นัดอ่านคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ คดีเลขที่ อ.1519/60 ในข้อหาอนาจารและความผิดต่อเสรีภาพ ระหว่างฝ่ายโจทก์ คือพนักงานอัยการจังหวัดพล กับ นายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในฐานะโจทก์ร่วม กับฝ่ายจำเลย คือ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง โลขันธ์ อดีต เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ซึ่งทางศาลจังหวัดพล ได้เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาจากวันที่ 11 มิถุนายน 2562 มาเป็นวันนี้ เนื่องจากครั้งนั้น หมอเปรมศักดิ์ อ้างว่า ร.ต.บัวทอง โลขันธ์ ผู้ต้องหาอีกคนป่วยไม่สามารถเดินทางมาฟังคำพิพากษาได้ ซึ่งศาลก็อนุญาตเลื่อนมาเป็นวันนี้
นายปกาญจน์ นพศรี ทนายความของนายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องหมอเปรมศักดิ์ ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า เนื่องจากทางฝั่งจำเลย คือนายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ และ ร.ต.บัวทอง โลขันธ์ ได้ขอกลับคำให้การใหม่ ในชั้นอุทธรณ์ โดยผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เพื่อขอให้ศาลเห็นใจและลงโทษสถานเบา จากครั้งที่แล้ว ศาลชั้นต้นตัดสินจำเลยทั้ง 2 ให้จำคุกคนละ 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ทางศาลอุทธรณ์ ภาค 4 จึงขอเลื่อนนัดให้คู่ความทั้งสองฝั่ง มาฟังคำพิพากษาใหม่อีกครั้ง โดยจะแจ้งให้ทั้งโจทก์และจำเลยทราบอีกครั้งว่า จะนัดมาวันไหน
โดยนายปกาญจน์ ทนายโจทก์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางผู้ต้องหาสามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ศาลท่านจะเห็นใจจำเลย หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล เพราะจำเลยมามากลับคำให้การในชั้นศาลอุทธรณ์ ก็ขึ้นอยู่กับวาศาลท่านจะมีมุมมองอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คดีดังกล่าว เกิดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 26 ก.ค.2559 โดยผู้สื่อข่าวจาก 5 สำนักข่าวในจังหวัดขอนแก่น ประกอบด้วย นายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, นายปราโมทย์ ศรีบุระ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3, น.ส.จิติมา จันพรม ผู้สื่อข่าวเครือเดอะเนชั่น,นายสุพล บุญชื่นชม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชน/ข่าวสด มีและนายปรัชญา เทพสกุล ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์เคเคซีเคเบิ้ล ทีวี ที่ได้ติดตามทำข่าว กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพทางโซเชียลมีเดีย เป็นภาพ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ หรือ หมอเปรม อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นั่งคู่กับหญิงสาวชั้น ม.5 โดยที่ด้านหน้ามีพานใส่ธนบัตรจำนวนหนึ่ง และมีสำเนาทะเบียนรถยนต์เล่มสีน้ำเงินวางอยู่ 1 เล่ม พร้อมพระพุทธรูปโดยมีคนเฒ่าคนแก่กำลังผูกแขน คล้ายมีพิธีหมั้นหรือพิธีมงคลสมรสของภาคอีสาน โดยผู้สื่อข่าวทั้งหมดได้ขอพบและสัมภาษณ์หมอเปรม ภายในที่ทำการสำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับหมอเปรมเป็นอย่างมาก หมอเปรมจึงได้วางแผนหลอกให้ผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนักเข้าไปภายในห้องทำงานของนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ เมื่อผู้สื่อข่าวทั้งหมดเข้าไปภายในห้องดังกล่าว กลับถูก หมอเปรมสั่งเจ้าหน้าที่เทศบาลซึ่งเป็นลูกน้อง เก็บโทรศัพท์ มือถือ กล้องถ่ายภาพของ ผู้สื่อข่าวทั้งหมด พร้อมกับล็อกตัวผู้สื่อข่าว นสพ.เดลินิวส์ ประจำ จ.ขอนแก่นแก้ผ้าประจาน
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พ.ค.2559 ผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนัก จึงเดินทางจึงแจ้งความเอาผิดกับหมอเปรม พร้อมพวกรวม 7 คน ที่ สภ.บ้านไผ่ ในข้อหา “ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับข่มขืนจิตใจ ให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการ และกระทำการอนาจารต่อหน้าธารกำนัล” ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ ได้สรุปสำนวนคำฟ้องส่งให้กับอัยการจังหวัดพลเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2559 และคู่กรณีทั้งสองได้ต่อสู่คดีกันเรื่อยมา กระทั่งวันที่ 21 มิถุนายา 2561 ศาลชั้นต้นตัดสินให้หมอเปรมพร้อมพวกรวม 2 คน รับโทษจำคุกคนละ 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา จากนั้นหมอเปรมกับพวกจึงได้อุทธรณ์ขอสู่คดีจนมาถึงวันนี้.
Bình luận