“Pinto Art Museum คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีคนถ่ายรูปลงอินสตาแกรมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่สำคัญมันอยู่ใกล้อีสานแค่ปลายไข่”
แน่นอน พิพัธภัณฑ์ศิลปะปิ่นโต ไม่ได้ตั้งอยู่ไทย แต่อยู่ไม่ไกล แค่ฟิลิปปินส์
---
จากขอนแก่นสู่กรุงเทพฯ เราใช้เวลา 45 นาที จากกรุงเทพฯ สู่ฟิลิปปินส์ เราใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง แต่จากสนามบินนานาชาติ มะนิลา นินอย อะควิโน่ สู่ ปิ่นโต ระยะทางแค่ 30 กิโลเมตร เราอาจต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง
เพราะ การจราจรของบ้านนี้ เมืองนี้ แย่จริงเชียว ในทุกวันของพวกเขาคล้ายกับเย็นวันศุกร์สิ้นเดือนของกรุงเทพฯ เราไม่มาก ก็มากที่สุด
แต่ถึงแม้ว่า การเดินทางจะแย่เม็ด หรือยากลำบากเพียงใด ผมกล้าพูดได้ว่า หากคุณเป็นคนรักศิลปะ หรืออย่างน้อยที่สุด แค่บ้าถ่ายรูป
ปิ่นโต คือ สถานที่ที่คุณจะพลาดไม่ได้ ด้วยปวงทั้งประการ
---
สำหรับผม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สามารถเป็นสถานที่ต้นแบบที่ดีที่สุด หากอีสานหรือไทยต้องการมีที่แสดงงานศิลปะดีดี นอกจากจะเด่นเรื่องศิลปะแล้ว มันยังสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบเมดิเตอเรเนียน มันถูกแต้มเต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว มันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และงานหลายชิ้นที่จัดแสดงที่นี่ยังส่งเสริมจิตวิญญาณของเสรีชนอีกด้วย
และทันทีที่ ก้าวตีนลงจากรถ อาคารขาวทรงคลาสสิคของปิ่นโต จะกระแทกเข้าเบ้าตาเราโดนพลัน ความโค้งเว้า และขาวนวล จะดึงดูดเราให้เร่งสาวตีนเข้าไปชมภายในอย่างไม่รู้ตัว
ค่าบำรุงสถานที่ 200 เปโซฟิลิปปินส์(120 บาท) ถือว่า ถูกมากสำหรับสิ่งที่คุณกำลังจะได้รับในอีก 2 อึดใจที่จะถึง
—
ปิ่นโต ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์เก่าแก่อะไร แม้อาคารของมันจะเป็นศิลปะที่ดูย้อนยุค เก่าแก่ มีแม่เป็นสเปน แต่อายุมันกลับไม่ถึงสิบปี
ผู้ก่อตั้งปิ่นโต คือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยานาม ดอกเตอร์โยเวน ควานัง(Joven Cuanang-ชายคิ้วหนาในภาพวาดที่คุณจะได้เห็นจาอัลบัมของเรา) บัณฑิตคณะแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ชายผู้ตกหลุมรักศิลปะ แต่กลับมุ่งหน้าเรียนหมอ เขาเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนรายใหญ่ของศิลปินในฟิลิปปินส์ และเขาเป็นนักสะสมศิลปะตัวยง
---
ปิ่นโตในภาษาตากาล็อก แปลว่า ประตู นัยยะการใช้ชื่อ ปิ่นโต ของสถานที่แห่งนี้จึงเสมือนว่า ศิลปะจะเป็นประตูที่เปิดให้ชาวโลกได้รู้จักฟิลิปปินส์
“ประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ประตูสู่การนำเสนองานศิลปะที่มากขึ้น และประตูสู่โลก” คุณหมอโยเวน นิยามแนวคิดของ ปิ่นโต
---
"พิพิธภัณฑ์ ที่มีแรงบันดาลใจจากการปฏิวัติประชาชน"
คุณหมอโยเวน ระบุว่า หลังจากการปฏิวัติพลังประชาชน ปี 1986 (The People Power Revolution-การชุมนุมประท้วงของประชาชน หลังเหตุการณ์ที่ เลขาธิการพรรคเสรีนิยม เบอร์นิกโน่ “นินอย” อะควิโน่ ถูกสังหาร และนำประเทศไปสู่การล้มรัฐบาลของนายเฟอร์ดินาน มากอส) เขา และเพื่อนศิลปินใน มูลนิธิอันติโปโล(ชื่อเมืองอันเป็นที่ตั้งของปิ่นโต ห่างจากมะนิลาไม่มากนัก) เพื่อศิลปะ วัฒนธรรม และระบบนิเวศ ได้คุยกันว่า
พวกเขาควรจะทำอะไรเพื่อประเทศชาติบ้าง ทำอะไรเพื่อให้คนหันมาสนใจเมืองอันติโปโลบ้าง และควรมีพื้นที่ให้ ศิลปินเก่งๆในประเทศได้มีที่ยืนบ้าง
และหลังจากใช้เวลาบ่มเพาะแนวคิดดังกล่าวกว่า 20 ปี ในที่สุด ปิ่นโต ก็ถูกตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2010 เพื่อใช้เป็นที่ แสดงงานศิลปะของศิลปินยุคปฏิวัติของฟิลิปปินส์ และศิลปินยุคหลังจากนั้น
---
ปิ่นโต ตั้งอยู่ในเนื้อที่ราว 12 ไร่ มีอาคารแสดงศิลปะ หลายหลัง ไล่ระดับจากทางเข้า ค่อยๆไต่ลงภูเขาไปทีละนิด พื้นที่ระหว่างอาคารแต่ละหลังถูกถมเทด้วยสวนพฤกษชาติ มีดอกไม้ท้องถิ่นประดับแทรกคู่ไปกับบ่อน้ำ และรูปปั้นพระเยซู แต้มเต็มพื้นที่
“ห้องแสดงงานศิลปะ แต่ละหลัง ควรถูกแทรกกลางด้วยสวน เพื่อให้คนที่มาชมงานศิลปะสามารถพักสายตา และพักสมอง ไม่ให้เกิดอาการเสพศิลปะเกินขนาด ที่นอน ที่นั่งถูก วางไว้ทั่วบริเวณเพื่อให้คนได้หยุดนั่งพักนอนพักมองฟ้า มองดาว” คุณหมอโยเวน อธิบายแนวคิดของการจัดวางระหว่างต้นไม้ และงานศิลปะ
---
นอกจากมันจะมีสีเขียว ขาว และเรื่องราวของศิลปะ
ภายในเนื้อที่ขนาดใหญ่แห่งนี้ ยังมี ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านของที่ระลึก และร้านสัก กระจายตัวอยู่ทั่ว แน่นอนมันมีไว้เพื่อตอบสนอง คนที่ต้องการพลังงานในการเดินชมศิลปะ คนที่ต้องการอิ่มท้องหลังจากอิ่มสมอง คนที่ต้องการซื้อสัญลักษณ์บางอย่างกลับไปฝากคนที่รัก หรือคนที่อยากฝากความเจ็บปวดบางอย่างไว้บนร่างกาย
---
เพื่อความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปิ่นโต ไม่มีเครื่องปรับอากาศสักกะตัว เรียกได้ว่าน้องเกรตา ทุนเบิร์กน่าจะปลื้มใจไม่น้อย
และถึงจะไม่มีแอร์ แต่ด้วยต้นไม้ที่เติมเต็มทั่วบริเวณ ทำให้ระหว่างเดินชมศิลปะไม่ร้อนมากนัก แต่เนื่องด้วย พื้นที่ ที่เป็นภูเขา การต้องเดินขึ้นเดินลง เดินเรื่อย เดินเฉื่อย ก็เล่นเอาจุกกุแร้เปียกอยู่เหมือนกัน
---
สำหรับผู้ที่สนใจ ปิ่นโต เปิดให้บริการวันอังคาร - อาทิตย์ 09.00 - 18.00 น. หยุดวันจันทร์
และเพื่อความสมบูรณ์ ด้วยพื้นที่อันกว้างขวาง เราแนะนำให้ท่านเผื่อเวลาสำหรับการเดินชมอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เพื่อความละเอียดครบถ้วนของการชื่นชมศิลปะ และสถาปัตยกรรม รวมถึงการถ่ายรูปทุกแง่ ทุกมุมของที่นี่ เด้อครับ
--- ดูรูปเพิ่มเติมกว่า 50 รูปที่ https://www.facebook.com/theisaander/posts/2380108482318513?__tn__=K-R
Comentarios