ในวันอังคารนี้ มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) จัดแถลงข่าวความคืบหน้าการช่วยเหลือลูกเรือประมงชาวไทยซึ่งติดอยู่ในประเทศอินโดนิเซีย ระบุว่า ปัจจุบัน ยังมีลูกเรือชาวไทยอีกอย่างน้อย 7 ราย ที่รอการพากลับบ้าน โดยลูกเรือทั้งหมดถูกพาไปเป็นแรงงานทาสบนเรือประมงในน่านน้ำอินโดนิเซีย ซึ่งขั้นตอนต่อไปของการช่วยเหลือคือ การดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ
มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) จัดงานแถลงข่าวเมื่อเวลา 10.00 น. ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นการแถลงข่าวหลังการเดินทางลงพื้นที่ประเทศอินโดนิเซีย เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2562 เพื่อเก็บข้อมูลจากอดีตลูกเรือประมงไทยที่ต้องการจะเดินทางกลับประเทศ
น.ส.ปฏิมา ตั้งปรัชญากูล ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของเกาะตวน ประเทศอินโดนิเซียว่า มีคนไทยตกค้างอยู่ที่นั่น จึงได้เดินทางไปเพื่อดำเนินการช่วยเหลือนำคนไทยทั้งหมดกลับประเทศ
“ปฏิบัติการครั้งใหญ่ ปี 2015 เราดูแค่ที่เบนจินา และอัมบน เราไม่ได้ไปดูที่ตวน... ครั้งนี้ที่เกาะตวนเราพบคนไทย 8 คน แต่เสียชีวิตแล้ว 1 คน ติดเกาะ ส่วนใหญ่จะอยู่แล้ว 17 ปี อันนี้เป็นรายงานจาก ตม. ตวน เราใช้เวลาสำรวจ 3 วัน สภาพปัญหาคือ กลุ่มนี้ เขาถูกขาย ถูกพาไปจากหมอชิต หัวลำโพง มีคนมาชักชวน ค่าแรงดี ค่าหัวอยู่ที่ 1.5 - 5 หมื่น(บาท)” น.ส.ปฏิมา กล่าว
“(ในจำนวน 7 คนที่รอดชีิวิต) เดินทางไปตั้งแต่ก่อนอายุ 15 ปี ยังไม่ได้ทำบัตรประชาชน…อยู่บนเรือ ไม่ได้เข้าฝั่ง ถูกทุบตี คือ พอเรือจะกลับประเทศ ก็ถูกทิ้ง… ทำงานหนัก หนักสุดบอกว่า ทำงาน 7 วัน 7 คืนไม่ได้นอนเลย ถ้าหยุดพักจะโดนทำร้ายร่างกาย… สภาพตอนที่เราสัมภาษณ์บางคนไปอยู่ป่านาน มีภาวะหวาดกลัว… ป่วย รอการกลับ มีสภาพชีวิตที่ยากลำบาก… อยากกลับบ้าน แต่ติดต่อครอบครัวไม่ได้เลย บางคนยืนยันตัวด้วยการเขียนภาษาไทย” น.ส.ปฏิมา กล่าวเพิ่มเติม
น.ส.ปฏิมา ระบุว่า สิ่งที่ต้องการเสนอให้รัฐบาลไทยดำเนินการคือ รัฐบาลควรดำเนินปฏิบัติการสำรวจหาคนไทยที่ตกค้างตามเกาะต่างๆของอินโดนิเซีย และหากสามารถพิสูจน์ได้ว่า เป็นคนไทยจริงๆ แม้ไม่มีเอกสารสำคัญยืนยัน ก็ควรเร่งดำเนินการพากลับประเทศ เพื่อฟื้นฟูเยียวยา เพราะคนเหล่านี้ มักมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ และปัญหาต่อมาคือ การหางานทำ
นายสมัคร ทัพธานี เจ้าหน้าที่แอลพีเอ็น ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการครั้งนี้ กล่าวว่า แอลพีเอ็นได้รับข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาะตวน เมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ว่า มีคนไทย 8 คนที่รอการช่วยเหลือ เมื่อชุดปฏิบัติการเดินทางไปถึงเกาะตวน วันที่ 30 ตุลาคม 2562 จึงได้เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อไปพบกับคนไทยลุ่มดังกล่าว
“ณ วันที่ 30 (ตุลาคม) เราเพิ่งรู้ว่า มีคนเสียชีวิต 1 คนแล้วจาก 8 คน… ส่วนสภาพของคนแรกที่เราเจอ เขาจดจำได้เพียงแค่ชื่อ จำปาทอง จากบ้านน้อย ร้อยเอ็ด แค่นี้ สภาพคือ พูดภาษาไทยต้องมีคนแปลจากภาษาบาฮาซาอีกทีนึง ถามว่า มายังไง บอกว่า มาตั้งแต่อายุ 14 ปี บัตรประชาชนยังไม่ถ่าย… เมื่อวานนี้ ก็ลงพื้นที่บ้านเกิดของบางคน(ในประเทศไทย) ค้นทะเบียนราษฎรไม่เจอ แต่พบในทะเบียนเลือกตั้งเก่า พอไปที่บ้าน ก็เจอว่า ญาติ ครอบครัว ย้ายไปที่อื่นแล้ว อันนี้คือปัญหาที่ซ้อนกันอีก นี่แหละปัญหาที่ทำให้คนไทยยังค้างอยู่” นายสมัคร กล่าว
“เราส่งข้อมูลให้กระทรวงการต่างประเทศ(กต.)แล้ว แต่ กต. พบข้อมูลแค่ 2 คน ดังนั้น ก็ต้องลงพื้นที่(ในไทย)เพื่อหาญาติ… ปีนี้รัฐบาลอินโดนิเซียเขาประกาศชัดเจนเลยว่า ไม่มีงบประมาณดูแลคนที่หลบหนีเข้าเมือง… บางเคส พ่อแม่ตายไปหมดแล้ว เหลือแต่ผู้ใหญ่บ้านที่รู้จักตอนเด็ก จะทำยังไง กระทรวงต่างประเทศเขาก็กังวลว่า ถ้ากลับมาแล้วไม่ใช่คนไทย จะต้องเอากลับไปไหม” นายสมัคร กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ อดีตลูกเรือที่รอการช่วยเหลือประกอบด้วย 1. นายสาธิต หน่อทอง จ.สมุทรปราการ 2. นายสมชาย ด้วงเหมือน จ.สมุทรสาคร, 3. นายรัตน์ อุตพันธุ์ จ.ศรีสะเกษ, 4. นายเสรี จำปาทอง จ.ร้อยเอ็ด, 5. นายปัญญา นงนุช จ.เพชรบูรณ์, 6. นายไพทูรย์ กลิ่นสกุล จ.สุพรรณบุรี และ 7. นายวิเชียร ทรัพย์ประเสริฐ
มีคนพม่าอย่างน้อย 44 คน ลาวอย่างน้อย 1 คน และกัมพูชาอย่างน้อย 1 คน ที่รอการช่วยเหลือกลับบ้าน
ด้าน ผศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ที่ปรึกษาสำนักงานประสานการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ระบุว่า สำนักงานประสานการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมายฯ จะรับหน้าที่ประสานงานช่วยเหลือในเรื่องนี้ในฐานะหน่วยงานของรัฐ และคิดว่า น่าจะหาทางพิสูจน์สัญชาติคนที่ยังตกค้างอยู่ได้
“สำนักงานประสานการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรี จะช่วยรับเรื่องนี้ไปขับเคลื่อนต่อ… ไปทำประมงผิดกฎหมาย เรือก็ต้องใช้คน คนอยู่บนเรือก็ต้องถูกกฎหมายด้วย ในเมื่อคนของเรือเราถูกกระทำอย่างนี้ ก็เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของภาครัฐที่จะร่วมมือกันกับแอลพีเอ็น หรือภาคส่วนประชาสังคม ที่จะนำพาพี่น้องเหล่านี้กลับบ้านเราให้ได้” ผศ.ดร.ธนพร กล่าว
---
เรื่องราวแรงงานทาส
ในปี 2557 แอลพีเอ็น และรายการข่าวสามมิติ เดินทางไปยังอินโดนีเซียและได้เปิดโปงสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายของแรงงานเหล่านั้น ซึ่งถูกบังคับให้ทำงานเกินเวลา พักผ่อนน้อย ถูกโกงค่าแรง ถูกใช้กำลังทำร้ายหากมีการขัดขืน ลูกเรือบางรายที่มีอาการป่วยจนทำงานไม่ไหว หรือมีปัญหากับคนคุมเรือ อาจถูกโยนลงจากเรือให้เสียชีวิต ผู้ที่รอดกลับมาได้จำนวนมากมีอาการทางจิต จากสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายดังกล่าว
ในปี 2558 ได้ช่วยเหลือลูกเรือชาวไทยกลับบ้าน 2,015 คน และแอลพีเอ็น ยังได้ช่วยประสานกับรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำพลเมืองของตนกลับ ได้แก่ ชาวเมียนมาราวหนึ่งพันคน ชาวกัมพูชา 100 คน และลาว 50 คน
บนเกาะเบนจิน่า มีหลุมศพลูกเรือไทย 97 หลุม บนเกาะอัมบน 24 หลุม และเกาะตวน มีที่แห่งหนึ่งถูกเรียกบ่อร้อยศพ ซึ่งเชื่อว่าเคยฝังร่างไร้วิญญาณของลูกเรือทับถมกันมาแล้วกว่า 100 ร่าง เป็นชาวไทย พม่า ลาว และกัมพูชา ซึ่งไม่มีการบันทึกของตำรวจใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงการระบุชื่อหรือสัญชาติบนหลุมศพราวร้อยหลุมและอีกหลายหลุมไม่ระบุข้อมูลใดๆ
ปัจจุบัน ไทยมีเรือประมงพาณิชย์ 10,600 ลำ มีลูกเรือประมาณ 7 หมื่นคน ยังขาดแคลนลูกเรืออีกราว 4 หมื่นคน ยืนยันว่า ในปัจจุบัน แรงงานประมงที่ถูกละเมิดหรืออยู่ในกระบวนการค้ามนุษย์หมดไปแล้ว หลังจากที่รัฐบาลเข้มงวดในการดูแล ขณะที่ แอลพีเอ็น สำรวจพบว่า นับตั้งแต่ปี 2557-2561 มีแรงงานประมงที่ถูกละเมิด 2,554 คน โดยมี 326 คน เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
---
#TheIsaander #Isaan #Isaannews #อีสานเด้อ #อีสาน #ข่าวอีสาน #ดิอีสานเด้อ #ทาส #ในเรือ #เหี้ย #iuufishing #เรือจริง #ทาสจริง #อาหารทะเลชิคชิค #อาจจะมาจากทาส #บนเรือก็ได้ #ใครจะรู้ #LPN
Comments