ไม่ว่าจะเป็นแรงงานข้ามชาติแบบฉบับของลูกอีสาน เฉกเช่นสิงคโปร์ในลังกระดาษและที่อื่นๆ เรื่องราวชีวิตผูกเศรษฐกิจของประชาชาติในย่านอุษาคเนย์ ส่วนหนึ่งมักผลักตัวเองออกไปสู่การเป็นแรงงานในประเทศที่พัฒนากว่าอย่าง ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น ใต้หวัน แม้กระทั่งตะวันออกกลาง
.
ทุกที่ต่างมีเรื่องเล่าเฉพาะแบบตามบริบทสังคมนั้นๆ แต่ที่ไม่ต่างกันเลยคือพวกเขาและเธอต่างดั้นด้นดิ้นรนแสวงหาชีวิตที่ดีกว่ามั่นคงกว่า อย่างน้อยก็ตามรูปรอยที่สังคมศิวิไลซ์ให้คุณค่ากับสิ่งๆนั้นในขณะนี้
.
เช่นเดียวกับเรื่องรักใคร่ของหนุ่มสาวชาวฟิลิปปินส์ในเกาะฮ่องกง ว่ากันว่าปัจจุบันมีชาวฟิลิปปินส์มากกว่า 130,000 คนทำงานอยู่ที่นั่น อาจเพราะค่าจ้างที่ไม่แพงและพวกเขาพูดภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดีความต้องการแรงงานพวกเขาจึงมีเยอะ ส่วนมากมาเป็นอาชีพแม่บ้าน (Domestic Helpers)
.
ตลอดสัปดาห์พวกเขามีวันหยุดวันเดียวคือวันอาทิตย์ ซึ่งจะเป็นวันที่แรงงานฟิลิปปินส์และแรงงานข้ามชาติอื่นๆมาพบปะสังสรรค์ รวมถึงจับจ่ายใช้สอยในใจกลางฮ่องกงย่านเซนทรัล ซึ่งเป็นจุดที่ชาวฮ่องกงมักไปรวมตัวกันชุมนุมต่อต้านรัฐบาลฮ่องกงและจีนกรณีแทรกแซงสิทธิเสรีภาพประชาชน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2019 (โชคดีที่หนังเรื่องนี้ถ่ายทำเสร็จก่อนมีชุมนุม)
.
และเมื่อซูมเข้าไปในฉากและชีวิตที่ไหลเวียนใน Hello, Love, Goodbye ก็จะเห็นความเป็นไปของชีวิตเล็กๆคู่หนึ่งของแรงงานข้ามชาติที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมามุ่งหาชีวิตที่ดีกว่าประเทศพวกเขา
.
เนื้อหนังค่อยๆบอกเล่าถึง 'จอย ' หญิงสาวคนหนึ่งที่จบการศึกษาด้านพยาบาลแต่มาทำงานเป็นแม่บ้านที่ฮ่องกง ด้วยความขยันสุดแรงกาย เธอหวังไว้สักวันว่า จากที่นี่ ที่ที่เธอแวะพักสร้างชีวิต เธอจะมีทุนไปใช้ชีวิตต่อที่ประเทศแคนาดาพร้อมกับครอบครัวและมีชีวิตอยู่ที่นั่นก่อนจะค่อยๆขยับเข้าไปสหรัฐอเมริกาดินแดนแห่งความฝันและโอกาสของใครหลายๆคน
.
ขณะที่ 'อีธาน' ชายหนุ่มที่มีภูมิหลังอันเศร้าสร้อย เพราะจากฟิลิปปินส์ ก็มาใช้ชีวิตกับครอบครัวที่ฮ่องกง จนกระทั่งเหลือเพียงไม่กี่ปีเขาจะได้วีซ่าถาวร แต่กลับไปพบรักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล ซึ่งนอกจากโศกนาฏกรรมรักที่ประสบแล้ว เขายังไม่สามารถเข้าไปอเมริกาได้ อีกทั้งต้องกลับมาตั้งต้นใหม่กับการขอวีซ่าถาวรอีกครั้ง
.
แต่นั่นเป็นช่วงเวลาก่อนที่เขาจะได้มาพบและตกหลุมรัก'จอย' ในร้านเหล้าที่เขาเป็นบาร์เทนเดอร์ และเธอใช้เวลาตอนกลางคืนมาเป็นพนักงานที่ร้าน เพราะกำลังประสบปัญหาที่นายจ้างถังแตก มีเงินจ่ายให้เธอเพียงครึ่งเดียว ตกเย็นจึงต้องหางานอย่างอื่นทำ จึงทำให้ทั้งสองมาพบกัน
.
ซึ่งหนังเองก็พยายามเล่าชีวิตที่มีอุปสรรคของแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นหากขอใบอนุญาตมาทำงานเป็นเมด(แม่บ้าน) ก็จะไม่สามารถไปทำอะไรอย่างอื่นได้ (เช่นตอนที่จอยไปเป็นพนักงานร้านเหล้า ที่สุดท้ายต้องวิ่งหนีตำรวจฮ่องกง และต้องลาออกจากงานนั้นเพราะร้านเองก็กลัวโดนสุ่มตรวจ) การต่อรองกับนายจ้างชาวฮ่องกงที่ลูกจ้างมักจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่เสมอๆ แต่นั่นเพราะความหวังของชีวิตและการต่อสู้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของครอบครัว จึงทำให้เธอต้องอดทน
.
แต่นอกจากสังคมแห่งการงานแล้ว หนังฟิลิปินส์เรื่องนี้ยังได้เห็นการรวมกลุ่มย่อมๆของเหล่าแรงงานปินอย ในเกาะฮ่องกงอีกด้วย โดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้านที่รวมตัวกันในวันอาทิตย์ นอกจากนี้พวกเขายังมีคลื่นวิทยุเป็นของตัวเอง และชุมชนแรงงานยังร่วมมือกันถึงขนาดจัดประกวดนางงามได้อีกด้วย
.
แม้บทหนังจะฉาบเรื่องด้วย การตกหลุมรักของคนที่มาจากบ้านเกิดเมืองนอนเดียวกัน ที่ต้องมาทำงานต่างแดนเหมือนกัน ในเรื่องนี้มันทำให้เกิดความรู้สึกที่ค่อนข้างพิเศษกว่าปกติ เพราะตัวละครต่างร่วมชะตากรรมเดียวกัน เผชิญสถานการณ์คล้ายๆ กัน ผ่านทุกข์สุขมาด้วยกัน จึงทำให้ตัวละครมีความเข้าใจกันดีโดยอัตโนมัติถึงความยากลำบากนั้นๆ
.
ช่วงแรกจะขัดๆเขินๆบ้าง ซึ่งหนังก็เล่นกับอาการที่'อีธาน' พยายามตามจีบ 'จอย' เช่นประโยคที่ทักไปในมือถือว่า วันนี้อยากได้เพื่อนหรือไม่ ? ซึ่งนางเอกเราตอบไปตามความจริงว่า ไม่อยากได้เพื่อน อยากได้งานและเงิน มากกว่า ซึ่งในภาระรับผิดชอบของเธอที่มากมายมหาศาล คำตอบนี้กินความหมายไปไกลและบอกเรื่องราวของชีวิตจิตใจและความต้องการในชีวิตเธอได้อย่างที่สุด
.
แล้วความสัมพันธ์ของ'จอย'และ'อีธาน'ก็ดำเนินไปตามวันและเวลาที่คนทำงานผลัดถิ่นของประเทศเขา อย่างที่ควรจะเป็น แต่มีปมขัดแย้งหลักๆซึ่ง เป็นจุดที่ชูเรื่องนี้ให้โดดเด่นคือความทะเยอทะยานให้ถึงฝัน
.
ท้ายที่สุดแม้จะรักกันแค่ไหนมันก็มีบางอย่างที่เป็นจุดผันแปรในชีวิต เพราะเธออยากจะไปสู่หนอื่นที่ดีกว่า ส่วนฝ่ายชายอยากจะรั้ง 'จอย ' เอาไว้แม้จะรู้สึกผิดแค่ไหนก็เหมือนจะไม่แคร์ บางบทบางช่วงรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ควรจะใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Where we belong เสียมากกว่า
.
อย่างไม่โรแมนติก ถึงที่สุดแล้วเรื่องรักจะลึกซึ้งหรือทรงเสน่หาเพียงใด แต่กับบางคนมันอาจไม่ได้มีค่ามากกว่าเงินและความฝันในกระเป๋าชีวิตหรอก เช่นเดียวกับชีวิตที่โลดแล่นของแรงงานข้ามชาติบนแผ่นฟิล์มรวมไปถึงชีวิตจริงในทุกๆที่ของโลกใบนี้
.
แม้แต่ในฮ่องกงที่ขณะนี้เป็นพื้นที่ขัดแย้งทางการเมืองสูง แต่มุมของแรงงานฟิลิปปินส์บางคนกลับให้ข้อมูลว่า สถานการณ์ในฟิลิปปินส์ยังอันตรายกว่าฮ่องกงเสียอีก เพราะบางพื้นที่ถึงขนาดมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มี 'ทีมสังหาร' เพ่นพ่านทั่วประเทศคอยโจมตีใส่ชุมชนคนจนและนักปกป้องสิทธิต่างๆ หรือนี่เป็นอีกจุดร่วมของการมองหาชีวิตที่ดีกว่าของคนภูมิภาคนี้
**Update: หลังมีชุมนุมเกือบ 6 เดือน ล่าสุดเมื่อวานนี้มีรายงานว่า ตำรวจฮ่องกงได้ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่ผู้ชุมนุมที่พยายามจะออกมาจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง โพลีเทคนิค ในย่านเกาลูน และเหตุการณ์ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบ
**Hello, Love, Goodbye ขณะนี้เข้าฉายที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน, พารากอน ซีนีเพล็กซ์, เมกา ซีนีเพล็กซ์, เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดาภิเษก และที่Lido Connect
ขอบคุณข้อมูลประกอบ : https://voicetv.co.th/read/WwtkZewTj
#TheIsaander #Hellolovegoodbye #Lido #Lidoconect #ฟิลิปปินส์ #ฮ่องกง — at Lido Connect.
Comments