top of page
Writer's pictureThe Isaander

โป๊ปฟรานซิส เฝ้า ร.10 ,พระสังฆราช และพบลุงตู่



ในวันพฤหัสบดีนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10, สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก และพบปะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า รู้สึกยินดีที่ประเทศไทยได้จัดการเลือกตั้ง และกลับคืนสู่ประชาธิปไตย


สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2562 ตามคำเชิญของรัฐบาลไทย และสภาประมุขบาดหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย โดยในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีนี้ ได้เสด็จเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และประทานสุนทรพจน์ต่อคณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน ที่มาเข้าเฝ้าว่า รู้สึกยินดีกับประเทศไทยที่กลับคืนสู่ประชาธิปไตย


“ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งที่ประเทศได้ผ่านการเลือกตั้ง อันเป็นก้าวสำคัญในการกลับมาสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง ที่ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้ข้าพเจ้าสามารถมาเยือนราชอาณาจักรไทยในครั้งนี้” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส กล่าวสุนทรพจน์ ตอนหนึ่ง


ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวต้อนรับ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยระบุว่า สิ่งที่ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้ทรงกระทำเป็นแรงบันดาบลใจให้แก่คนทุกศาสนา


“เกล้ากระหม่อมรู้สึกชื่นชมในพระกรณียกิจที่น่ายกย่องของฝ่าพระบาทที่ทรงให้ความสำคัญกับการสร้างความสามัคคีปรองดองระหว่างมนุษยชาติ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะในหมู่เยาวชน การขจัดความยากจน การสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมบรรยากาศแห่งสันติภาพให้บังเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก บทบาทของฝ่าพระบาทในประเด็นต่างๆ เหล่านี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน โดยไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะมีความเชื่อในศาสนาใดหรือพื้นเพทางสังคมอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


หลังจากนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จเข้าเฝ้า สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก โดย สมเด็จพระสังฆราชฯ ตรัสแก่ สมเด็จพระสันตะปาปาฯว่า นับเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพึงจดจารึกไว้เป็นศุภนิมิตแห่งน้ำใจไมตรีที่ศาสนจักรโรมันคาทอลิกกับพุทธจักรไทย มีสืบเนื่องกันมาอย่างแน่นแฟ้น ราบรื่น และงดงาม เป็นเวลาเนิ่นนานนับแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา


เวลาต่อมา สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้เสด็จไปยัง โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ พระราชทานเยี่ยมผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และคริสตชนที่มารอรับเสด็จ โดยคริสตชนที่มาเฝ้ารับเสด็จต่างเปล่งเสียงว่า “Viva iI Papa” ซึ่งเป็นภาษาอิตาลีแปลว่า “ทรงพระเจริญ” ขณะที่ สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้ตรัสประทานโอวาทว่า


“ลูก ๆ ที่รักทั้งหลาย พ่อมีความยินดีที่ได้มีโอกาสได้พบกับลูกๆ ทุกคน ที่เป็นเวชบุคคลของโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ โรงพยาบาลเครือคาทอลิกอื่น ๆ ...สำหรับตัวพ่อเองแล้ว นี่เป็นพระพรที่พ่อได้ประจักษ์ด้วยตัวเอง ถึงงานรับใช้ที่มีคุณค่ายิ่ง ที่พระศาสนจักรได้มอบให้กับปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด”


ในช่วงเย็น สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้เสด็จเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ในการนี้ ทั้งสองพระองค์ได้ ทรงแลกเปลี่ยนของขวัญซึ่งกันและกัน โดยการเข้าเฝ้าครั้งนี้ ถือเป็นการกระชับสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทย และสำนักวาติกัน มีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช


และช่วงเวลา 18.00 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้เสด็จไปประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ(มิสซา) สำหรับปวงชนชาวไทย ณ สนามกีฬาแห่งชาติ ศุภชลาศัย โดยตรัสประทานโอวาทว่า ทรงเป็นห่วงเยาวชนที่ตกเป็นทาสการค้ามนุษย์ และยาเสพติด โดยทรงเห็นว่า ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน โดยในสนามศุภชลาศัย และรอบบริเวณ มีคริสตชนมากกว่า 6 หมื่นคนเฝ้ารับเสด็จ


“พ่อคิดถึงเป็นพิเศษ คือบรรดาเด็กชาย หญิง และสตรีที่ตกเป็นเหยื่อของการค้าประเวณี และการค้ามนุษย์ ซึ่งทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขาถูกทำลายไป พ่อคิดถึงเยาวชนที่ตกเป็นทาสของยาเสพติด และดำเนินชีวิตอย่างไร้ความหมาย โดยการหยุดที่จะใฝ่ฝัน หรือการเผาทำลายความฝันของตัวเอง พ่อคิดถึงบรรดาผู้อพยพที่ไร้บ้านเรือนที่จะพักพิง และจำต้องจากครอบครัวไป พ่อคิดถึงผู้คนอีกจำนวนมากที่อาจจะรู้สึกว่าตนเองถูกลืม เหมือนเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้ง” สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ตรัส


“พี่น้องของเราจำนวนมากมาย ที่ดำเนินชีวิตโดยปราศจากแสงสว่าง พลัง และความบรรเทาใจจากพระเยซูคริสตเจ้า ปราศจากชุมชนแห่งความเชื่อที่ต้อนรับเขา ปราศจากขอบฟ้าแห่งความหมายของพ่อ คิดถึงบรรดาชาวประมงที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ พ่อคิดถึงบรรดาคนขอทาน คนที่ไร้ที่พึ่งพิง และถูกเพิกเฉย พวกเขาเหล่านี้เป็นสมาชิกในครอบครัวของเรา อย่าปิดกั้นชุมชนของเราจากใบหน้า บาดแผล รอยยิ้ม อย่าหยุดยั้งความรักความเมตตาของพระเจ้าในการที่จะเจิมบาดแผล และความเจ็บปวดของเขาศิษย์ธรรมทูต ต้องเข้าใจว่าการแพร่ธรรมไม่เกี่ยวกับการเพิ่มปริมาณ หรือการแสดงถึงอิทธิพล หรืออ่าน หากเป็นการเปิดประตูเพื่อการมีส่วนร่วมในอ้อมกอดที่เปี่ยมด้วยความรัก และความเมตตา และการเยียวยารักษาของพระบิดาซึ่งทำให้เราเป็นครอบครัวเดียวกัน” สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ตรัส


ทั้งนี้ ในวันศุกร์ สมเด็จพระสันตะปาปาฯ จะเสด็จไปยังวัดคาทอลิกนักบุญเปโตร อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พบกับคณะบาทหลวงและนักบวช แล้วจะเสด็จต่อไปยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพบกับบรรดาผู้นำสถาบันอุดมศึกษา คณาจารย์ นิสิต นักศึกษา และในช่วงเย็น เสด็จไปทำพิธีบูชาขอบพระคุณสำหรับเยาวชน ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก


และในวันเสาร์ ท่านจะเสด็จเดินไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 เพื่อเสด็จไปกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นด้วยเครื่องบินต่อไป








#TheIsaander #Isaan #Isaannews #อีสานเด้อ #อีสาน #ข่าวอีสาน #ดิอีสานเด้อ #โป๊ป #พระสันตะปาปา #โป๊ปฟรานซิส #คริสตัง #คริสตชน #โรมันคาทอลิก #PopevisitThailand #PopeFrancis #Pope

18 views0 comments

Kommentare


bottom of page