top of page
Writer's pictureThe Isaander

รักเอย: จริงหรือที่ว่าหวาน หรือทรมานใจคน ?



ที่เมืองทุ เดนมาร์ก - ไกลออกไปจากโคเปนเฮเกนด้วยรถไฟราวหกชั่วโมง มีผู้หญิงไทย 926 คนอาศัยอยู่ พวกเธอเดินทางไปเพื่อแต่งงานกับชายเดนมาร์กที่นั่น ด้วยเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาโอกาสในชีวิต การไปสู่หนอื่น(ที่คิดว่าดีกว่า) ของพวกเธอ โดยหนังเล่าผ่าน สมหมาย -สาวโคราช ที่เคยไปทำงานพัทยาและพบรักกับนีลส์ ชายชาวเดนมาร์ก ก่อนที่สมหมายจะตัดสินใจไปอยู่เดนมาร์ก


.


เนิ่นนานกว่า 20 ปี ตั้งแต่สมหมายจรดปากกาลงบนใบสมรส ตั้งแต่ปี 1999 มีคู่สมรสระหว่างผู้หญิงไทยและชายชาวเดนมาร์กเฉลี่ย 253 คู่ ต่อปี และมีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นถึง 400 คู่ในช่วงปี 2011 ถึงปี 2012 และมีอายุแตกต่างกันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 ปี ชายชาวเดนมาร์กจะมีอายุประมาณ 40 ถึง 49 ปีและผู้หญิงไทยมีอายุประมาณ 30 ถึง 39 ปี


แม้ HeartBound อาจไม่ได้บอกว่า ทำไมต้องเป็นหญิงไทย อะไรคือเอกลักษณ์ความงาม ที่ทำให้ชาวยุโรปตอนเหนือหลงไหล ซึ่งนอกจากผู้หญิงเดนมาร์กด้วยกันแล้ว ผู้หญิงไทยเป็นกลุ่มที่ได้แต่งงานกับผู้ชายชาวเดนมาร์กมากที่สุด ?


.


แต่เส้นเรื่องก็ถูกบอกเล่า ถึง'วิธีการ ' ได้มาสมสู่คู่ครอง ที่ใช้วิธีบอกต่อ การทำชุมชนเล็กๆ ของคนที่ต้องการมีสามีฝรั่ง และคนที่มีไปแล้ว รวมไปถึงการมองกลับไปที่ภาระที่พวกเธอแบกรับทั้งที่เดนมาร์ก ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวกับอากาศ ภาษา และวัฒนธรรมผู้คน บางมุมฉายให้เห็นการโคชชิ่งเล็กๆ ของผู้มาอยู่ก่อน แนะนำวัตรปฏิบัติกับผู้มาอยู่ใหม่ ชวนให้นึกถึงการเตรียมเป็นเกอิชาในหนังญี่ปุ่น


.


ขณะเดียวกันภาระที่บ้านที่ประเทศไทย ก็เป็นสิ่งที่ Subject ในเรื่องนี้มีไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นลูกติดหรือพ่อแม่ที่เริ่มแก่ชรา ที่รอคอยความหวังเงินสกุลยุโรปและชีวิตที่ดีขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ต้องดีกว่าเก่า


.


ก่อนหน้านี้ในบรรดาหนังอีสาน ไม่ว่าจะเป็น ผู้บ่าว ไทบ้าน อีสานอินดี้ หรือจักรวาลไทบ้าน เดอะซีรี่ย์ เองก็พยายามๆแตะๆประเด็นนี้ โดยเฉพาะการเปรียบผู้ชายไทยอีสานบางคนที่ไม่เอาไหน กินเหล้า และชอบตบตีทำร้ายร่างกาย แบบนี้ไปเอาผัวฝรั่งดีกว่า ?


.


แต่สำหรับ HeartBound เป็นมิติที่มองลึกกว่านั้น มันผ่านการซูมเข้าซูมออกของเรื่องราว กระทั่งวกกลับมาที่ประเด็นคำถามว่า แบบนี้ถูกต้องหรือไม่ หรือเส้นแบ่งไหนที่จะเหมาะสมกับความสัมพันธ์และความเป็นไปของหญิงไทยกับชายเดนมาร์ก มันคือรักจริงๆ หรือรักเล่ห์ซ่อนกล


__


มีประเด็นน่าสนใจที่เราอยากรู้ต่อเหมือนกันนะ มันอาจจะดูเป็นคำถาม และการพยายามทำความเข้าใจ ในเรื่องราวที่ดูจะไม่สิ้นสุดจนกว่าชีวิตจะจบสิ้นกันไปข้างหนึ่ง


.

ตัวละครสองตัว ระหว่างลมกับแสง หนังทำให้เป็นขั้วตรงข้ามอยู่เสมอ โดยเฉพาะความล้มเหลวของลมที่ไม่ได้ฝรั่งกลับมาขณะไปพัทยา ?


.


การรักษาความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกในต่างแดน ?




ชีวิตที่เลือกไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ถูกบังคับ แต่ไม่ได้เต็มใจนัก ไม่ได้แฮปปี้เท่าไหร่ แต่อยู่กันไปก็รักกันไปเอง ?


และสุดท้าย จริงหรือไม่ที่ว่ารักนั้นชื่นหวานหรืออาจทรมานใจตรม ?


The Isaander เชิญร่วมหาคำตอบในภาพยนตร์ Heartbound (รักเอย) ภาพยนตร์สารคดีจาก ซิน่า พลามเป็ก (Sine Plambech) นักมานุษยวิทยา และผู้กำกับสารคดี ร่วมกับ เยนูส เม็ตซ์ คู่รักของเธอ




__________________


ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เมื่อวานนี้(25 พฤศจิกายน 2562) หลังภาพยนตร์ฉายเสร็จ มี Talk จากคุณสมหมาย เจ้าของเรื่อง ซึ่งเธอเปิดเผยสำหรับหนังรักเอยว่า วันนี้นับเป็นการฉายในเมืองไทยงานแรก ก่อนหน้าถูกฉายที่ยุโรป ไปแล้ว 8-9 ประเทศ


"เราอยากให้ฝรั่งเห็นว่าเราไปทำงาน เราไปอยู่จริงๆเพื่อทำให้ชีวิตดีกว่า (ไม่ได้ไปปลอกลอกเขา) " สมหมายเล่าถึงความ ประทับใจที่ได้แชร์ประสบการณ์ที่ได้กับตัวเองให้คนอื่นดู


และหนังมันมี 4 ภาค ภาคนี้ตัดเป็นภาคเดียว จริงๆภาค 1,2,3,4 มีรายละเอียดมากกว่าภาคนี้อีก เลยอยากให้ดู


เมื่อถามว่า ถ้าดูจากในสารคดี เหมือนกับว่าคุณสมหมายเป็นแม่สื่อ มันจะคล้ายกับเน็ตเวิร์กเปลี่ยนไปบ้าง การหาคู่จะเป็นแบบออนไลน์ขึ้น ?


.


สมหมายตอบว่า ตอนนี้มันแตกต่างกันจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย จากแรกใช้สื่อทางหนังสือพิมพ์ (ให้นึกถึงมาลัยไทยรัฐ) ตอนนั้นเขียนไปก็ไม่ได้รู้จักเขา ก็เสี่ยงเอาเหมือนซื้อล๊อตเตอรี่ และส่วนใหญ่เราจะบรรยาย เขียนแนะนำไปว่า ผู้หญิงไทยอายุเท่านี้ มาเยี่ยมญาติ และต้องการแต่งงาน


.


"ตอนนี้เป็นคนแก่แล้ว กินเงินรัฐบาล(เดนมาร์ก) เพราะทำงานมามากแล้ว เรียกได้ว่าชีวิตก็ดี มีลูกไปอยู่ด้วย มีหลานไปอยู่ด้วย บางคนอยู่สวิซเซอร์แลนด์ "


.


คิดถึงการกลับมาอยู่เมืองไทยบ้างไหม ตอนนี้มีแพลนยังไง ?


" คิดว่ายังไงก็อยากกลับมาอยู่ไทยแน่นอน ความเหลื่อมล้ำมันทำให้เราต้องสปีดตัวเองออกไป ที่นั่นไม่ได้น่าอยู่ วันนี้ยังกลับไม่ได้เพราะแฟนอยู่ด้วย และมีลูกมีหลาน ตัวหนังก็จะบอกว่าเราอยากกลับไปเมืองไทย ในวันที่เราแก่จนไม่สามารถทำอะไรด้วยตัวเองได้เลย "


.


สมหมายเปิดใจอีกว่า แฟนก็คงจะเหมือนเธอ เขาก็จะไม่สามารถบ๊ายบาย จากเดนมาร์คได้ ถ้าถามเรื่องกลับบ้าน มันไม่ใช่เฉพาะเธอคนเดียว คิดว่าทุกคนอยากกลับหมด ที่อยู่เมืองนอกไม่มีใครเต็มใจอยากจะอยู่เท่าไหร่


.


บทสนทนาพูดถึง สำหรับกรณีการหย่าร้าง สมหมายเล่าว่า มันมีข้อดีข้อเสียของคนไทย ถ้ามีการหย่าร้างเขา(คนไทย)ก็ไปมีคนใหม่ แม้จริงเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดี แต่มันก็เกิดขึ้นอยู่แล้ว "


.


แต่ถึงที่สุดแรกเริ่มหนังอาจทำให้คิดถึง การแต่งงานเพื่อต้องการการย้ายถิ่น แต่ก็มีมีบางช่วงบางตอนที่หนังพยายามแสดงให้เห็นว่าเขารักกันจริงๆ ไม่ใช่ภาพเดิมๆที่มองว่าย้ายถิ่นเพื่อผลประโยชน์


.


"ตอนอยู่เดนมาร์กไม่ต้องสอบภาษาไปก่อน(เมื่อก่อนจะได้วีซ่าถาวรต้อง ใช้เวลา 2 ปี) และมีการเรียนการสอบ ภาษาในระดับ 1,2,3 ตอนนี้เขาไม่ให้มีแบบถาวร แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ 7 ปี หรือ 10 ปี "



.


นอกเหนือจากนี้ สมหมาย ยังเล่าเพิ่มเติมว่า ที่เดนมาร์คคนจะแต่งงานกับคนไทยได้ ต้องเลี้ยงดูเราได้ และมีที่ดินคนละ 20 ตารางเมตร และหากจะขยายคนเพิ่มที่ดินต้องขยายด้วย ทีละ 20 ตารางเมตร


.


ความเป็นฮีโร่ของผู้หญิงที่ไปต่างแดน?


จริงๆเราไปทำงาน ไปหาเงิน ส่งเงินให้ครอบครัว จากซื้อข้าวเป็นกิโลก็เปลี่ยนเป็นกระสอบ พาร์ทต่อไปของความเป็นหนัง การมองถึงความเข้าใจของการย้ายถิ่นเพื่อแต่งงาน ตอนนี้จะขยายประเด็นใหม่ๆในตัวหนังบ้างหรือไม่ Return Migration หรือเรื่องอื่นๆ เพราะชีวิตของคนมันไปเรื่อยๆของมัน


.


เราอยากให้เมืองไทยเห็นว่า มันมีอุปสรรคแค่ไหน ในการใช้ภาษา การไปอยู่ต่างถิ่นและการแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ ที่เราเลือกไม่ได้ เราอยากให้เขาทำเรื่องจริง ความลำบากคือ เขาไม่ได้แต่งว่าจะต้องพูดตอนไหน เขาก็ต้องรอเราเหมือนกันว่าเราพร้อมหรือเปล่า ว่าจะพูดว่าอะไร


ตอนหนังออกฉาย แรกๆคนไทยที่เดนมาร์คก็อาย แต่คนเดนมาร์กเขาได้ดูแล้วเขาเข้าใจมากขึ้น เขาจะมาตบบ่าว่าเธอเป็นคนเข้มแข็งมาก ฉันมาหาผัว มาทำงาน ไม่ได้เป็นกระหรี่ จริงๆคนเดนมาร์คยอมรับเรามากกว่าคนไทยด้วยกันเอง


.


มีเคสที่มาติดต่อสมหมายเพราะไม่ได้รู้จักประเทศไทยเลย เพียงเพราะอยากได้คนไทย แต่เราต้องให้เขารับรู้และรับได้ตั้งแต่แรกๆเลย มีเคสที่ไปรอด หลายเคสมาก คือไปแล้วกลับมาเลย แต่ต้องบอกเขาไปอย่างที่พูดในหนังว่า ไม่ได้อยู่ 2-3 วัน แต่อยู่ไปตลอดชีวิต

.


ท้ายที่สุดสมหมายพูดถึงมุมมองจากคนอื่นๆว่า สิทธิมนุษชยของผู้หญิงต้องเท่ากันไม่ว่าจะเป็นใคร อย่ามองกันอย่าเหลื่อมล้ำกันก็พอ จิตใจเราอย่ากดดันกัน และต้องเปิดกว้าง


.


"เราได้ตีแผ่ อย่างน้อยก็คงมีประโยชน์บ้าง เห็นข้อดีข้อเสีย อย่างน้อยเราก็ยกระดับตัวเองได้ ส่วนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับใครว่าจะมองเรายังไง ก็ฝากหนังเรื่องนี้ไว้ด้วย " สมหมายทิ้งท้าย


______


*รักเอย จะเริ่มฉายรอบแรก วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2562 19.15 น. ที่ House Samyan


(จองบัตรได้ที่ app : House Cinema หรือ https://www.housesamyan.com/site/Movie/detail/393)


🔴 ฉายจริง :

- เริ่มพฤหัสบดี 5 ธันวาคม 2562 ที่ House Samyan

- เริ่มอังคาร 10 ธันวาคม 2562 ที่ Bangkok Screening room

- เริ่มพฤหัสบดี 12 ธันวาคม 2562 ที่ Lido Connect


__________________


#Theisaander #HeartBound #รักเอย #Denmark #เดนมาร์ก #นครราชสีมา #โคราช #รักเอยจริงหรือที่ว่าหวานหรือทรมานใจคน

#HouseSamyan #Lidoconnect #ผู้หญิงอีสาน #หนังสารคดี #เมียฝรั่ง #documentaryclub — at ห้องสารนิเทศ เรวัต พุทธินันท์.

192 views0 comments

Comments


bottom of page